สทร. ร่วมกับCRRC ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “Cooperation in the Empowering Innovation and Talent Development in the Rail Transport Sector”
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 นายโชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เป็นประธานและสักขีพยานร่วมกับ นายหลิว ฉางชิง (Mr.Liu Changqing) ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท CRRC Changchun ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ Cooperation in the Empowering Innovation and Talent Development in the Rail Transport Sector เพื่อขับเคลื่อนการวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบราง รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมระบบรางในประเทศไทยระหว่างสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) หรือ สทร. ร่วมกับ CRRC Changchun Railway Vehicles Company Limited (CRRC Changchun) ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ โดยมี นายสันติ เจริญพรพัฒนา ผู้อำนวยการ สทร. และนายซา เหมียว (Mr.Sha Miao) รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัท CRRC Changchun เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ

นายสันติ เจริญพรพัฒนา ผู้อำนวยการ สทร. กล่าวถึงเป้าหมายสำคัญของการก่อตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) โดยกระทรวงคมนาคมมีเป้าหมายอย่างมุ่งมั่นที่จะบูรณาการความเชี่ยวชาญจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบราง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบรางในประเทศไทยทั้งในด้านการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการลงทุนด้านอุตสาหกรรมรางภายในประเทศ เพื่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การขนส่ง การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงระหว่างประเทศอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้เป้าหมายสำคัญที่ได้กล่าวมาบรรลุผลสำเร็จ ในฐานะหน่วยงานวิจัยและพัฒนาภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคม สทร. จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีและการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยมาใช้งานในระบบรางของประเทศตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงฯ ความร่วมมือในครั้งนี้กับ CRRC ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือที่เน้นเรื่องพัฒนาความก้าวหน้าเทคโนโลยี นวัตกรรม ระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะต่าง ๆ

และการสนับสนุนอุตสาหกรรมระบบราง ที่จะนำไปสู่การทำงานร่วมกันที่เป็นรูปธรรม ได้แก่
1) การถ่ายโอนและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคนิคและข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2) เพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง
3) ความร่วมมือด้านการวิจัยด้านเทคโนโลยีระบบราง
4) การพัฒนามาตรฐานระบบรางและระบบทดสอบ

ด้าน นายโชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการสถาบันฯ กล่าวถึง ความร่วมมือระหว่างระบบรางของประเทศไทยที่มีการดำเนินงานร่วมกับ บริษัท CRRC Changchun มาเป็นเวลาหลายปีก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้มีความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด ทั้งนี้ การให้ความสำคัญต่อการพัฒนาระบบรางของประเทศไทย นอกจากการ ให้ความสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางระหว่างสองประเทศ การให้ความสำคัญต่อการเชื่อมต่อเส้นทางระหว่างประเทศไทยไปสู่ประเทศจีน และการเชื่อมโยงไปยังทวีปยุโรปและแอฟริกาใต้ ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ต้องให้ความสำคัญ ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ และทำให้สามารถเชื่อมต่อการขนส่งทั้งผู้โดยสารและสินค้าได้อย่างไร้พรมแดนได้ในอนาคต
นายหลิว ฉางชิง (Mr.Liu Changqing) ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท CRRC Changchun กล่าวว่า บริษัท CRRC Changchun เป็นบริษัทย่อยที่ใหญ่ที่สุดภายใต้ CRRC Corporation Limited ซึ่งมีพันธกิจหลักในด้านการวิจัย พัฒนา ผลิต บริการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ และระบบสำหรับการตรวจติดตามและประเมินผล ในการขนส่งผู้โดยสารทางราง รวมทั้งยังให้ความสำคัญต่อพลังงานที่จะถูกนำมาใช้งานในอนาคต สำหรับในประเทศไทย บริษัท CRRC Changchun มีโอกาสได้เข้าร่วมดำเนินการในหลายโครงการของประเทศไทย และเชื่อว่าการดำเนินโครงการร่วมกันที่ผ่านมา ส่งผลทำให้เกิดการพัฒนาด้านการขนส่งทางรางของประเทศไทย นอกจากในด้านธุรกิจแล้ว บริษัท CRRC Changchun ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาความเชี่ยวชาญให้แก่ นักศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบรางของประเทศไทย ผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยีภายใต้โครงการที่จัดขึ้นของมหาวิทยาลัยที่เป็นพันธมิตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางของทั้งสองประเทศ และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบการขนส่งทางรางให้ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต

การผนึกกำลังภายใต้ “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ Cooperation in the Empowering Innovation and Talent Development in the Rail Transport Sector” ในครั้งนี้ จึงเป็นความสัมพันธ์อันดี เพื่อที่จะร่วมมือกันส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทยให้ตอบโจทย์การพัฒนาระบบรางของประเทศ ให้มีความสามารถในการแข่งขัน และส่งเสริมบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนรวมไปถึงการพัฒนาระบบรางของประเทศไทยให้เป็นไปอย่าง มั่นคง ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม



















การประมาณการความต้องการบุคลากรสำหรับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระยะ 15 ปี ประเทศไทยได้กำหนดนโยบายการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์เป็นส่วนหนึ่งของฐานในการขับเคลื่อนการพัฒนา โดยเฉพาะระบบการขนส่งทางรางทั้งในด้านการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสาร และได้นำไปสู่การวางแผนขยายเส้นทางของระบบรางของประเทศ ทั้งในระบบการขนส่งทางไกล ซึ่งเป็นระบบโครงข่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และระบบขนส่งรถไฟฟ้าในเมืองและรถไฟฟ้าระหว่างเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเมือง เนื่องด้วยประเทศไทยกำลังดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางประเภทรถไฟฟ้า และในบางเส้นทางนั้นมีแนวโน้มที่กำลังจะเปิดให้บริการในระยะเวลาอันใกล้สทร. ในฐานะหน่วยงานที่มีพันธกิจตามกฎหมายในการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรระบบรางของประเทศ จึงได้ดำเนินการศึกษาและพัฒนาการประมาณการความต้องการบุคลากรสำหรับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ระยะ 15 ปี เพื่อส่งเสริมการผลิตและพัฒนาบุคลากรระบบรางในประเทศ รวมถึงเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนาบุคลากรระบบรางให้กับภาคผู้กำหนดนโยบาย ภาคผู้เดินรถ/ผู้ประกอบการ และภาคการศึกษาและฝึกอบรม รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจด้วย จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลแนวปฏิบัติทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พบว่า กลุ่มงานและตำแหน่งงานที่เป็นส่วนหลักพื้นฐานในการบริหารจัดการเดินรถหนึ่งเส้นทางที่สำคัญ คือ ฝ่ายงานบริหารจัดการเดินรถ ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่ต้องมีความรู้และประสบการณ์ด้านความปลอดภัยและด้านเทคนิค เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างมีมาตรฐาน สะดวกสบาย ตรงต่อเวลา และปลอดภัยแก่ผู้รับบริการ รายงานการศึกษานี้ จึงมุ่งเน้นศึกษาและประมาณการความต้องการบุคลากรในฝ่ายงานบริหารจัดการเดินรถเป็นสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่มงานหลัก ได้แก่
ด้วยกลุ่มงานวิจัยและพัฒนามาตรฐานและการทดสอบ สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) (สทร..) มีพันธกิจในการพัฒนามาตรฐานระบบการทดสอบและดำเนินการทดสอบด้านระบบราง ซึ่งทาง บริษัท เวสท์โคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (WCE) บริษัทในเครือสหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (SSI) ได้เป็นพันธมิตรและทำบันทึกตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สทร. กับ WCE เรื่อง การส่งเสริมสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศ” โดยทาง WCE ได้เชิญให้ สทร. เข้าร่วมสังเกตการณ์การทดสอบ Static Test และ Running Test ของรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต ตามมาตรฐานวิธีการทดสอบการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยดำเนินการระหว่างวันที่ 8 11 พฤษภาคม 2566 ณ บริษัท เวสโคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และสถานีรถไฟนาผักขวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เอกสารฉบับนี้ จัดทาขึ้น เพื่อศึกษาแนวทางการผลักดันและส่งเสริมการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และผลิตภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรมการขนส่งทางรางให้เกิดขึ้นในประเทศ ตามการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อให้เกิด Local Content ที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ควบคู่กับแผนยุทธศาสตร์คมนาคม ซึ่งทาง สทร. ได้เล็งเห็นความสาคัญการสนับสนุนการสร้างอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนระบบรางในประเทศ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Thai First ผ่านแผนงานบูรณาการความร่วมมือ เพื่อยกระดับคุณภาพบริการและการผลิตให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล

สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน โดยได้ดำเนินการลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจวัดค่ามลพิษทางอากาศ ณ บริเวณ ชานชาลา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้เทคนิควิธีการวัดและเครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล และมีระบบ คุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจวัดดังกล่าว ไม่สามารถแปรผลและ ใช้งานได้ทันที จำเป็นต้องถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น อัน จะช่วยให้การกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายใน ดำเนินการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย
ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เล็งเห็นถึงความจําเป็นเรื่องด่วนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้เรื่องดําเนินการลงพื้นที่เพ่ือทําการตรวจวัดค่า มลพิษทางด้านเสียงรบกวน ณ บริเวณชานชาลา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้เทคนิควิธีการวัดและ เครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล และมีระบบคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจวัดดังกล่าว ไม่สามารถแปรผลและใช้งานได้ทันที จําเป็นต้องถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น อันจะช่วยให้การกําหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสามารถดําเนินการ ได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในดําเนินการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย
การดำเนินโครงการขนส่งทางรางด้านต่างๆ ไม่ว่าด้านออกแบบ การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของชิ้นส่วนอุปกรณ์ การติดตั้ง การทดสอบ การซ่อมบำรุง และการเดินรถ จำเป็นต้องปฏิบัติหรืออ้างอิงให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบรางที่เป็นสากลหรือเป็นที่ยอมรับ แต่ปัจจุบัน พบว่า การกำหนดมาตรฐานระบบรางในประเทศไทยยังมีข้อจำกัด
สทร. HSR-CT-(4001-4006):2567
รายงานแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพด้านระบบรางของประเทศ(NQI)