สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) และบริษัท BLUE Engineering S.r.l เปิดตัวโครงการเชิงกลยุทธ์ด้านการออกแบบและพัฒนาห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมการผลิตรถไฟในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
.
สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) หรือ สทร. ร่วมกับบริษัท BLUE Engineering S.r.l. (BLUE) ได้เปิดตัวโครงการสำคัญเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตรถไฟของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พิธีเปิดตัวที่สำคัญครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 ณ โรงแรมดิ แอทธินี กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจากนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายเปาโล ดีโอนีซี (H.E. Mr. Paolo Dionisi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย นายโชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการ สทร. นายโมฮัมหมัด จูมา อีด (Mr. Moh’d Juma Eid) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท BLUE รวมถึงผู้บริหารระดับสูง แขกผู้มีเกียรติ และพันธมิตรในอุตสาหกรรมเข้าร่วมงาน
ความคิดริเริ่มนี้มีรากฐานมาจากยุทธศาสตร์ระยะยาวของประเทศไทย โดยกระทรวงคมนาคมยังคงมุ่งมั่นในพันธกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ภายใต้การแนะนำของกระทรวงคมนาคม สทร. จะเป็นผู้นำในความพยายามนี้โดยการกำหนดทิศทางการวิจัยสำหรับการออกแบบรถไฟที่ผนวกเอกลักษณ์ไทยเข้าไป และดำเนินการประเมินขีดความสามารถท้องถิ่นของพันธมิตรในอุตสาหกรรมการผลิต โดย สทร. ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ BLUE Engineering S.r.l. จากเมืองตูริน ประเทศอิตาลี ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1993 และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติด้วยความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมและการออกแบบ โดยมีความเชี่ยวชาญครอบคลุมภาคยานยนต์ อากาศยาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคระบบราง เป็นเวลากว่า 30 ปี บริษัท BLUE ได้สร้างสรรค์องค์ความรู้และนวัตกรรมอย่างกว้างขวางในด้านการออกแบบวิศวกรรมขั้นสูง การทดสอบแบบเสมือน และการพัฒนาซอฟต์แวร์อุตสาหกรรม จนได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรทั่วโลก
โครงการเชิงกลยุทธ์นี้จะมุ่งเน้นอย่างจริงจังในการออกแบบและพัฒนารถไฟผลิตในไทย รวมถึงมาตรฐานและข้อกำหนดที่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานด้านระบบรางและอุตสาหกรรมการผลิตรถไฟของไทย ด้วยการใช้มาตรฐานสากลเป็นแนวทาง ประเทศไทยจะมุ่งขยายขีดความสามารถทางอุตสาหกรรม ลดการพึ่งพาการนำเข้า และสร้างตำแหน่งให้ตนเองเป็นผู้เล่นที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดระบบรางระดับภูมิภาค ผลลัพธ์ที่คาดหวังหลายประการ ได้แก่:
- วางรากฐานสำหรับการผลิตรถไฟในประเทศ บนพื้นฐานการจัดกลุ่มขบวนรถไฟโดยสารของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่สอดคล้องกับมาตรฐานยุโรป รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ โครงร่างแนวคิด และข้อเสนอชุดรถไฟสำหรับการผลิตในท้องถิ่น
- สร้างมาตรฐานรถไฟและแนวทางการออกแบบ ที่สอดคล้องกับมาตรฐานยุโรป ในขณะเดียวกันส่งเสริมเทคโนโลยีและชิ้นส่วนท้องถิ่นเพื่อลดการนำเข้าและพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางของไทย
- เสริมสร้างความแข็งแกร่งห่วงโซ่อุปทานระบบรางของไทย ผ่านการสร้างขีดความสามารถ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และเกณฑ์ที่ชัดเจนสำหรับการประเมินความพร้อมของผู้ประกอบการไทยและสิ่งอำนวยความสะดวกการผลิต
โครงการนี้มีความหมายมากกว่าเป็นเพียงความก้าวหน้าทางเทคนิค แต่เป็นสัญลักษณ์ของความไว้วางใจ ความมุ่งมั่น และความร่วมมือที่มองไปข้างหน้าระหว่างกระทรวงต่างๆ อุตสาหกรรมท้องถิ่น และพันธมิตรระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกันเร่งการเปลี่ยนผ่านของไทยไปสู่อุตสาหกรรมระบบรางที่ทันสมัย ยั่งยืน และสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก
.









การประมาณการความต้องการบุคลากรสำหรับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระยะ 15 ปี ประเทศไทยได้กำหนดนโยบายการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์เป็นส่วนหนึ่งของฐานในการขับเคลื่อนการพัฒนา โดยเฉพาะระบบการขนส่งทางรางทั้งในด้านการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสาร และได้นำไปสู่การวางแผนขยายเส้นทางของระบบรางของประเทศ ทั้งในระบบการขนส่งทางไกล ซึ่งเป็นระบบโครงข่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และระบบขนส่งรถไฟฟ้าในเมืองและรถไฟฟ้าระหว่างเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเมือง เนื่องด้วยประเทศไทยกำลังดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางประเภทรถไฟฟ้า และในบางเส้นทางนั้นมีแนวโน้มที่กำลังจะเปิดให้บริการในระยะเวลาอันใกล้สทร. ในฐานะหน่วยงานที่มีพันธกิจตามกฎหมายในการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรระบบรางของประเทศ จึงได้ดำเนินการศึกษาและพัฒนาการประมาณการความต้องการบุคลากรสำหรับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ระยะ 15 ปี เพื่อส่งเสริมการผลิตและพัฒนาบุคลากรระบบรางในประเทศ รวมถึงเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนาบุคลากรระบบรางให้กับภาคผู้กำหนดนโยบาย ภาคผู้เดินรถ/ผู้ประกอบการ และภาคการศึกษาและฝึกอบรม รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจด้วย จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลแนวปฏิบัติทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พบว่า กลุ่มงานและตำแหน่งงานที่เป็นส่วนหลักพื้นฐานในการบริหารจัดการเดินรถหนึ่งเส้นทางที่สำคัญ คือ ฝ่ายงานบริหารจัดการเดินรถ ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่ต้องมีความรู้และประสบการณ์ด้านความปลอดภัยและด้านเทคนิค เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างมีมาตรฐาน สะดวกสบาย ตรงต่อเวลา และปลอดภัยแก่ผู้รับบริการ รายงานการศึกษานี้ จึงมุ่งเน้นศึกษาและประมาณการความต้องการบุคลากรในฝ่ายงานบริหารจัดการเดินรถเป็นสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่มงานหลัก ได้แก่
ด้วยกลุ่มงานวิจัยและพัฒนามาตรฐานและการทดสอบ สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) (สทร..) มีพันธกิจในการพัฒนามาตรฐานระบบการทดสอบและดำเนินการทดสอบด้านระบบราง ซึ่งทาง บริษัท เวสท์โคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (WCE) บริษัทในเครือสหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (SSI) ได้เป็นพันธมิตรและทำบันทึกตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สทร. กับ WCE เรื่อง การส่งเสริมสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศ” โดยทาง WCE ได้เชิญให้ สทร. เข้าร่วมสังเกตการณ์การทดสอบ Static Test และ Running Test ของรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต ตามมาตรฐานวิธีการทดสอบการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยดำเนินการระหว่างวันที่ 8 11 พฤษภาคม 2566 ณ บริษัท เวสโคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และสถานีรถไฟนาผักขวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เอกสารฉบับนี้ จัดทาขึ้น เพื่อศึกษาแนวทางการผลักดันและส่งเสริมการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และผลิตภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรมการขนส่งทางรางให้เกิดขึ้นในประเทศ ตามการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อให้เกิด Local Content ที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ควบคู่กับแผนยุทธศาสตร์คมนาคม ซึ่งทาง สทร. ได้เล็งเห็นความสาคัญการสนับสนุนการสร้างอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนระบบรางในประเทศ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Thai First ผ่านแผนงานบูรณาการความร่วมมือ เพื่อยกระดับคุณภาพบริการและการผลิตให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล

สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน โดยได้ดำเนินการลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจวัดค่ามลพิษทางอากาศ ณ บริเวณ ชานชาลา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้เทคนิควิธีการวัดและเครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล และมีระบบ คุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจวัดดังกล่าว ไม่สามารถแปรผลและ ใช้งานได้ทันที จำเป็นต้องถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น อัน จะช่วยให้การกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายใน ดำเนินการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย
ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เล็งเห็นถึงความจําเป็นเรื่องด่วนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้เรื่องดําเนินการลงพื้นที่เพ่ือทําการตรวจวัดค่า มลพิษทางด้านเสียงรบกวน ณ บริเวณชานชาลา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้เทคนิควิธีการวัดและ เครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล และมีระบบคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจวัดดังกล่าว ไม่สามารถแปรผลและใช้งานได้ทันที จําเป็นต้องถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น อันจะช่วยให้การกําหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสามารถดําเนินการ ได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในดําเนินการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย
การดำเนินโครงการขนส่งทางรางด้านต่างๆ ไม่ว่าด้านออกแบบ การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของชิ้นส่วนอุปกรณ์ การติดตั้ง การทดสอบ การซ่อมบำรุง และการเดินรถ จำเป็นต้องปฏิบัติหรืออ้างอิงให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบรางที่เป็นสากลหรือเป็นที่ยอมรับ แต่ปัจจุบัน พบว่า การกำหนดมาตรฐานระบบรางในประเทศไทยยังมีข้อจำกัด
สทร. HSR-CT-(4001-4006):2567
รายงานแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพด้านระบบรางของประเทศ(NQI)