สทร. ร่วมกับ ม.มหิดล ศึกษาศักยภาพการขนส่งสินค้าทางรางและโอกาสในการผลิตชิ้นส่วนแคร่
วันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2567 สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) หรือ สทร. นำโดย นายวัชรชาญ สิริสุวรรณทัศน์ ที่ปรึกษา สทร. พร้อมด้วยคณะทำงานและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 20 ท่าน ได้เข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงาน ณ บริษัท เอเชียเอ็นจิเนียร์ริ่ง แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด และ ศูนย์อุตสาหกรรมอิตาเลียนไทย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อ.วิหารแดง จ.สระบุรี
.
การศึกษาดูงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิเคราะห์ศักยภาพการขนส่งสินค้าและโอกาสในการผลิตชิ้นส่วนแคร่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของระบบรางไทยและแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนระบบรางสำหรับการขนส่งสินค้า ตามภารกิจสำคัญของกระทรวงคมนาคม ในการส่งเสริมการสร้างอุตสาหกรรมระบบรางซึ่งใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทยและใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ โดยการศึกษาดูงานดังกล่าวได้รับการต้อนรับและบรรยายสรุปโดยนายเฉลิมทรัพย์ เลี่ยวไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอเซีย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์เซอร์วิช (ไทยแลนด์) จำกัด (AES) และนายช่างจิตต์ เลวรรณ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD)
.
ในการเยี่ยมชมครั้งนี้ คณะทำงานได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบการด้านระบบราง (Rolling Stock) ที่มีภารกิจหลักในการบำรุงรักษา การซ่อมและสร้างขบวนรถไฟ (Car Body) หลายประเภท ตลอดจนชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ (Parts) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ และมีคุณสมบัติที่จะเป็นพันธมิตรที่สำคัญภายใต้กรอบโครงการความร่วมมือภาคอุตสาหกรรม (Industrial Collaboration Program: ICP) ปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาเยี่ยมชมโรงงานผลิตประเเจทางหลีก โรงงานหล่อชิ้นส่วนคอนกรีตสําเร็จรูปสำหรับงานก่อสร้างระบบราง ATO-Asia Turnouts Co., Ltd. เช่น หมอนคอนกรีต หมอนประแจ ผนังอุโมงค์รถไฟใต้ดิน คานรูปกล่องสำหรับทางรถไฟยกระดับ เป็นต้น ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ โรงงานผลิตและซ่อมแซมล้อเลื่อนรถไฟ โรงเชื่อมรางยาว ASIAN RAIL COMPANY LIMITED (ARC) ที่เชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจงานซ่อมบำรุงทางรถไฟ และการซ่อมแซมเครื่องจักรบำรุงทางรถไฟ
.
การร่วมมือระหว่าง สทร. กับมหาวิทยาลัยมหิดลในโครงการนี้ มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนแคร่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทย อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งของประเทศ และสนับสนุนการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสร้างโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
.
นอกจากนี้ การศึกษาดูงานครั้งนี้ยังเป็นโอกาสในการสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในระบบราง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการขนส่งสินค้า ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบขนส่งของประเทศไทย ซึ่งข้อมูลและข้อค้นพบจากการศึกษาดูงานครั้งนี้จะนำไปสู่การวิเคราะห์และพัฒนาศักยภาพการขนส่งสินค้าทางรางอย่างยั่งยืน เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศในอนาคต และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระดับสากล









การประมาณการความต้องการบุคลากรสำหรับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระยะ 15 ปี ประเทศไทยได้กำหนดนโยบายการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์เป็นส่วนหนึ่งของฐานในการขับเคลื่อนการพัฒนา โดยเฉพาะระบบการขนส่งทางรางทั้งในด้านการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสาร และได้นำไปสู่การวางแผนขยายเส้นทางของระบบรางของประเทศ ทั้งในระบบการขนส่งทางไกล ซึ่งเป็นระบบโครงข่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และระบบขนส่งรถไฟฟ้าในเมืองและรถไฟฟ้าระหว่างเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเมือง เนื่องด้วยประเทศไทยกำลังดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางประเภทรถไฟฟ้า และในบางเส้นทางนั้นมีแนวโน้มที่กำลังจะเปิดให้บริการในระยะเวลาอันใกล้สทร. ในฐานะหน่วยงานที่มีพันธกิจตามกฎหมายในการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรระบบรางของประเทศ จึงได้ดำเนินการศึกษาและพัฒนาการประมาณการความต้องการบุคลากรสำหรับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ระยะ 15 ปี เพื่อส่งเสริมการผลิตและพัฒนาบุคลากรระบบรางในประเทศ รวมถึงเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนาบุคลากรระบบรางให้กับภาคผู้กำหนดนโยบาย ภาคผู้เดินรถ/ผู้ประกอบการ และภาคการศึกษาและฝึกอบรม รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจด้วย จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลแนวปฏิบัติทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พบว่า กลุ่มงานและตำแหน่งงานที่เป็นส่วนหลักพื้นฐานในการบริหารจัดการเดินรถหนึ่งเส้นทางที่สำคัญ คือ ฝ่ายงานบริหารจัดการเดินรถ ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่ต้องมีความรู้และประสบการณ์ด้านความปลอดภัยและด้านเทคนิค เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างมีมาตรฐาน สะดวกสบาย ตรงต่อเวลา และปลอดภัยแก่ผู้รับบริการ รายงานการศึกษานี้ จึงมุ่งเน้นศึกษาและประมาณการความต้องการบุคลากรในฝ่ายงานบริหารจัดการเดินรถเป็นสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่มงานหลัก ได้แก่
ด้วยกลุ่มงานวิจัยและพัฒนามาตรฐานและการทดสอบ สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) (สทร..) มีพันธกิจในการพัฒนามาตรฐานระบบการทดสอบและดำเนินการทดสอบด้านระบบราง ซึ่งทาง บริษัท เวสท์โคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (WCE) บริษัทในเครือสหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (SSI) ได้เป็นพันธมิตรและทำบันทึกตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สทร. กับ WCE เรื่อง การส่งเสริมสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศ” โดยทาง WCE ได้เชิญให้ สทร. เข้าร่วมสังเกตการณ์การทดสอบ Static Test และ Running Test ของรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต ตามมาตรฐานวิธีการทดสอบการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยดำเนินการระหว่างวันที่ 8 11 พฤษภาคม 2566 ณ บริษัท เวสโคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และสถานีรถไฟนาผักขวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เอกสารฉบับนี้ จัดทาขึ้น เพื่อศึกษาแนวทางการผลักดันและส่งเสริมการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และผลิตภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรมการขนส่งทางรางให้เกิดขึ้นในประเทศ ตามการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อให้เกิด Local Content ที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ควบคู่กับแผนยุทธศาสตร์คมนาคม ซึ่งทาง สทร. ได้เล็งเห็นความสาคัญการสนับสนุนการสร้างอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนระบบรางในประเทศ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Thai First ผ่านแผนงานบูรณาการความร่วมมือ เพื่อยกระดับคุณภาพบริการและการผลิตให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล

สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน โดยได้ดำเนินการลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจวัดค่ามลพิษทางอากาศ ณ บริเวณ ชานชาลา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้เทคนิควิธีการวัดและเครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล และมีระบบ คุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจวัดดังกล่าว ไม่สามารถแปรผลและ ใช้งานได้ทันที จำเป็นต้องถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น อัน จะช่วยให้การกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายใน ดำเนินการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย
ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เล็งเห็นถึงความจําเป็นเรื่องด่วนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้เรื่องดําเนินการลงพื้นที่เพ่ือทําการตรวจวัดค่า มลพิษทางด้านเสียงรบกวน ณ บริเวณชานชาลา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้เทคนิควิธีการวัดและ เครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล และมีระบบคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจวัดดังกล่าว ไม่สามารถแปรผลและใช้งานได้ทันที จําเป็นต้องถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น อันจะช่วยให้การกําหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสามารถดําเนินการ ได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในดําเนินการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย
การดำเนินโครงการขนส่งทางรางด้านต่างๆ ไม่ว่าด้านออกแบบ การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของชิ้นส่วนอุปกรณ์ การติดตั้ง การทดสอบ การซ่อมบำรุง และการเดินรถ จำเป็นต้องปฏิบัติหรืออ้างอิงให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบรางที่เป็นสากลหรือเป็นที่ยอมรับ แต่ปัจจุบัน พบว่า การกำหนดมาตรฐานระบบรางในประเทศไทยยังมีข้อจำกัด
สทร. HSR-CT-(4001-4006):2567
รายงานแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพด้านระบบรางของประเทศ(NQI)