สทร. ร่วมกับ LANDE ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือเพื่อการบูรณาการในระดับภูมิภาคและการพัฒนาระบบราง(Collaboration in Regional Integration and Railway development)
นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานและสักชีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “เพื่อการบูรณาการในระดับภูมิภาคและการพัฒนาระบบราง (Collaboration in Regional Integration and Railway development)” ระหว่างสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) หรือ สทร. โดยนายโชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการ สทร. และ The Institute for Lande Technology & Education Innovate at Z-park (LANDE) โดย Mr. Yonghua Feng, Secretary-General of LANDE เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 ณ ห้องประชุมรัตนโกสินทร์ โรงแรมสุโกศล กรุงเทพฯ โดยมีคณะผู้บริหารทั้งจากประเทศไทยและสาธารณะรัฐประชาชนจีนให้เกียรติร่วมงาน ได้แก่ นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ (ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม) นางสาวเพียงออ เลาหะวิไลย (กรรมการ สทร.) นางสาวกานต์รวี ทองพูล (รองผู้อำนวยการและรักษาการแทนผู้อำนวยการ สทร.) Mr. Shen Sunan (Executive Director, International Cooperation Department, LANDE) Mr. Dong Qing (Deputy Director, International Cooperation Department, LANDE) Mr. Zhang Huaguo (General Manager, China Communications Construction Group (CCCC)) และ Mr. Zhang Wei Hao (Deputy Managing Director, China Harbour Engineering Company Limited (CHEC))

นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางระหว่าง ประเทศไทยและสาธารณะรัฐประชาชนจีน แสดงถึงความทุ่มเทในการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบราง ส่งเสริมนวัตกรรม และขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนโดยเฉพาะในแง่ของการบูรณาการระดับภูมิภาคของทั้งสองประเทศ โดยมีผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมระบบรางในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งการบูรณาการระดับภูมิภาคจะช่วยให้ประเทศ เร่งพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ บูรณาการและกระตุ้นการพัฒนาอย่างครบวงจร กระทรวงคมนาคมจึงคาดว่าในเรื่องการยกระดับ การเชื่อมต่อทางรถไฟเพื่อให้บรรลุถึงความมุ่งมั่นของประเทศชาติสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในอาเซียน โดยการบูรณาการระดับภูมิภาคนี้สามารถใช้เป็นเส้นทางสู่ความมั่นคง การเติบโตที่ยั่งยืน และเท่าเทียมกันภายในภูมิภาค ส่งเสริมความสามารถใน การแข่งขันของประเทศสมาชิกอาเซียนในขณะเดียวกันก็มีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจโลกไปพร้อมกัน

ด้าน รศ.ดร.โชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการ สทร. ได้กล่าวเสริมถึงความพยายามร่วมกันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของ ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสาธารณะรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและการบูรณาการในระดับภูมิภาค การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อระหว่างเครือข่ายรถไฟของทั้งสองประเทศ สามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่และกระตุ้น ความเจริญรุ่งเรือง มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างการวิจัยและพัฒนาในภาคระบบราง ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทย และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศในการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระบบรางกับพันธมิตรมากมายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เนื่องจากสิ่งนี้จะถือเป็นศักยภาพในการปรับปรุงการค้าข้ามพรมแดน ทำให้มีความคล่องตัวและคุ้มต้นทุนมากขึ้น โดยสร้างเครือข่ายที่เสริมสร้างเสถียรภาพ ความร่วมมือ และเป้าหมายการพัฒนาร่วมกันของภูมิภาค

ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) นี้เป็นความร่วมมือผนึกกำลังพันธมิตร ให้มีเป้าหมายเพื่อใช้จุดแข็ง ความเชี่ยวชาญ และแหล่งข้อมูลของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวหน้าในอนาคต รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นและร่วมกันกำหนดรูปแบบการคมนาคมขนส่งทางรางในอนาคตเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอุตสาหกรรมระบบรางต่อไป









การประมาณการความต้องการบุคลากรสำหรับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระยะ 15 ปี ประเทศไทยได้กำหนดนโยบายการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์เป็นส่วนหนึ่งของฐานในการขับเคลื่อนการพัฒนา โดยเฉพาะระบบการขนส่งทางรางทั้งในด้านการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสาร และได้นำไปสู่การวางแผนขยายเส้นทางของระบบรางของประเทศ ทั้งในระบบการขนส่งทางไกล ซึ่งเป็นระบบโครงข่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และระบบขนส่งรถไฟฟ้าในเมืองและรถไฟฟ้าระหว่างเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเมือง เนื่องด้วยประเทศไทยกำลังดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางประเภทรถไฟฟ้า และในบางเส้นทางนั้นมีแนวโน้มที่กำลังจะเปิดให้บริการในระยะเวลาอันใกล้สทร. ในฐานะหน่วยงานที่มีพันธกิจตามกฎหมายในการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรระบบรางของประเทศ จึงได้ดำเนินการศึกษาและพัฒนาการประมาณการความต้องการบุคลากรสำหรับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ระยะ 15 ปี เพื่อส่งเสริมการผลิตและพัฒนาบุคลากรระบบรางในประเทศ รวมถึงเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนาบุคลากรระบบรางให้กับภาคผู้กำหนดนโยบาย ภาคผู้เดินรถ/ผู้ประกอบการ และภาคการศึกษาและฝึกอบรม รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจด้วย จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลแนวปฏิบัติทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พบว่า กลุ่มงานและตำแหน่งงานที่เป็นส่วนหลักพื้นฐานในการบริหารจัดการเดินรถหนึ่งเส้นทางที่สำคัญ คือ ฝ่ายงานบริหารจัดการเดินรถ ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่ต้องมีความรู้และประสบการณ์ด้านความปลอดภัยและด้านเทคนิค เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างมีมาตรฐาน สะดวกสบาย ตรงต่อเวลา และปลอดภัยแก่ผู้รับบริการ รายงานการศึกษานี้ จึงมุ่งเน้นศึกษาและประมาณการความต้องการบุคลากรในฝ่ายงานบริหารจัดการเดินรถเป็นสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่มงานหลัก ได้แก่
ด้วยกลุ่มงานวิจัยและพัฒนามาตรฐานและการทดสอบ สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) (สทร..) มีพันธกิจในการพัฒนามาตรฐานระบบการทดสอบและดำเนินการทดสอบด้านระบบราง ซึ่งทาง บริษัท เวสท์โคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (WCE) บริษัทในเครือสหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (SSI) ได้เป็นพันธมิตรและทำบันทึกตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สทร. กับ WCE เรื่อง การส่งเสริมสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศ” โดยทาง WCE ได้เชิญให้ สทร. เข้าร่วมสังเกตการณ์การทดสอบ Static Test และ Running Test ของรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต ตามมาตรฐานวิธีการทดสอบการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยดำเนินการระหว่างวันที่ 8 11 พฤษภาคม 2566 ณ บริษัท เวสโคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และสถานีรถไฟนาผักขวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เอกสารฉบับนี้ จัดทาขึ้น เพื่อศึกษาแนวทางการผลักดันและส่งเสริมการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และผลิตภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรมการขนส่งทางรางให้เกิดขึ้นในประเทศ ตามการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อให้เกิด Local Content ที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ควบคู่กับแผนยุทธศาสตร์คมนาคม ซึ่งทาง สทร. ได้เล็งเห็นความสาคัญการสนับสนุนการสร้างอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนระบบรางในประเทศ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Thai First ผ่านแผนงานบูรณาการความร่วมมือ เพื่อยกระดับคุณภาพบริการและการผลิตให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล

สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน โดยได้ดำเนินการลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจวัดค่ามลพิษทางอากาศ ณ บริเวณ ชานชาลา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้เทคนิควิธีการวัดและเครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล และมีระบบ คุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจวัดดังกล่าว ไม่สามารถแปรผลและ ใช้งานได้ทันที จำเป็นต้องถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น อัน จะช่วยให้การกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายใน ดำเนินการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย
ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เล็งเห็นถึงความจําเป็นเรื่องด่วนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้เรื่องดําเนินการลงพื้นที่เพ่ือทําการตรวจวัดค่า มลพิษทางด้านเสียงรบกวน ณ บริเวณชานชาลา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้เทคนิควิธีการวัดและ เครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล และมีระบบคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจวัดดังกล่าว ไม่สามารถแปรผลและใช้งานได้ทันที จําเป็นต้องถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น อันจะช่วยให้การกําหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสามารถดําเนินการ ได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในดําเนินการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย
การดำเนินโครงการขนส่งทางรางด้านต่างๆ ไม่ว่าด้านออกแบบ การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของชิ้นส่วนอุปกรณ์ การติดตั้ง การทดสอบ การซ่อมบำรุง และการเดินรถ จำเป็นต้องปฏิบัติหรืออ้างอิงให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบรางที่เป็นสากลหรือเป็นที่ยอมรับ แต่ปัจจุบัน พบว่า การกำหนดมาตรฐานระบบรางในประเทศไทยยังมีข้อจำกัด
สทร. HSR-CT-(4001-4006):2567
รายงานแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพด้านระบบรางของประเทศ(NQI)