สทร. ร่วมกับ มช. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีระบบรางของประเทศ
วันที่ 22 มกราคม 2567 สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) หรือ สทร. พร้อมด้วยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีระบบรางของประเทศ โดยมี รศ. ดร.โชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการ สทร. เป็นผู้ลงนามร่วมกับ ศ. ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยพยานผู้ร่วมลงนามของทั้ง 2 หน่วยงาน ที่ประกอบไปด้วย ดร.เพียงออ เลาหะวิไลย กรรมการ สทร. ดร.กานต์รวี ทองพูล รองผู้อำนวยการ (รักษาการแทนผู้อำนวยการ สทร.) รศ. ดร.ธงชัย ฟองสมุทร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และ รศ. ดร.รุจิรา อุ่นเจริญ คณบดีวิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล ตลอดจนที่ปรึกษา ผู้บริหาร และบุคลากรของทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นเกียรติ ณ ห้องประชุมพระยาศรีวิสารวาจา อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รศ.ดร.โชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการ สทร. กล่าวถึงภารกิจที่ สทร. ได้รับมอบหมายจากกระทรวงคมนาคม เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายในการพัฒนาระบบรางของประเทศ เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และหากดำเนินการได้สำเร็จจะสร้างคุณูปการต่อประเทศชาติ และประชาชนได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น การบูรณาการความเชี่ยวชาญและระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนของประเทศเข้ามาร่วมกันพัฒนางานวิจัยที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถด้านการคมนาคมอย่างรอบด้าน และสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตประชาชนในเชิงประจักษ์ จึงเป็นหมุดหมายหลักที่สำคัญ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่ขับเคลื่อนการพัฒนาระบบรางของประเทศไทย ให้เป็นประตูแห่งโอกาสที่เชื่อมเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมของประเทศไทยสู่เวทีโลก ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศและส่งเสริมอุตสาหกรรมระบบรางของไทยสู่ระดับสากล
ศ. ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กล่าวเสริมถึงการลงนามในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ด้านระบบรางไปสู่การใช้ประโยชน์ภายในประเทศ ส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระหว่างหน่วยงาน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับกรอบและวิธีการทำงาน เครื่องมือที่ใช้สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี ตลอดจนผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนภายในประเทศ (Local Content) ที่นำไปสู่การส่งเสริมปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต
ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือในการผนึกกำลังพันธมิตร มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาที่ทันสมัย ที่จะทำให้เกิดทีมวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ พร้อมทั้งเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้เชิงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ที่เป็นหน่วยงานพันธมิตร และกระทรวงคมนาคม นอกจากนี้ ในลำดับต่อไปจะได้ดำเนินการกำหนดรายละเอียดในการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาด้านระบบขนส่งทางรางเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และร่วมสร้างมาตรฐานไทยในชิ้นส่วนระบบรางที่มีศักยภาพ เป็นการผลักดันให้เกิด Local content ที่เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมระบบรางต่อไป









การประมาณการความต้องการบุคลากรสำหรับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระยะ 15 ปี ประเทศไทยได้กำหนดนโยบายการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์เป็นส่วนหนึ่งของฐานในการขับเคลื่อนการพัฒนา โดยเฉพาะระบบการขนส่งทางรางทั้งในด้านการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสาร และได้นำไปสู่การวางแผนขยายเส้นทางของระบบรางของประเทศ ทั้งในระบบการขนส่งทางไกล ซึ่งเป็นระบบโครงข่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และระบบขนส่งรถไฟฟ้าในเมืองและรถไฟฟ้าระหว่างเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเมือง เนื่องด้วยประเทศไทยกำลังดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางประเภทรถไฟฟ้า และในบางเส้นทางนั้นมีแนวโน้มที่กำลังจะเปิดให้บริการในระยะเวลาอันใกล้สทร. ในฐานะหน่วยงานที่มีพันธกิจตามกฎหมายในการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรระบบรางของประเทศ จึงได้ดำเนินการศึกษาและพัฒนาการประมาณการความต้องการบุคลากรสำหรับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ระยะ 15 ปี เพื่อส่งเสริมการผลิตและพัฒนาบุคลากรระบบรางในประเทศ รวมถึงเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนาบุคลากรระบบรางให้กับภาคผู้กำหนดนโยบาย ภาคผู้เดินรถ/ผู้ประกอบการ และภาคการศึกษาและฝึกอบรม รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจด้วย จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลแนวปฏิบัติทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พบว่า กลุ่มงานและตำแหน่งงานที่เป็นส่วนหลักพื้นฐานในการบริหารจัดการเดินรถหนึ่งเส้นทางที่สำคัญ คือ ฝ่ายงานบริหารจัดการเดินรถ ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่ต้องมีความรู้และประสบการณ์ด้านความปลอดภัยและด้านเทคนิค เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างมีมาตรฐาน สะดวกสบาย ตรงต่อเวลา และปลอดภัยแก่ผู้รับบริการ รายงานการศึกษานี้ จึงมุ่งเน้นศึกษาและประมาณการความต้องการบุคลากรในฝ่ายงานบริหารจัดการเดินรถเป็นสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่มงานหลัก ได้แก่
ด้วยกลุ่มงานวิจัยและพัฒนามาตรฐานและการทดสอบ สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) (สทร..) มีพันธกิจในการพัฒนามาตรฐานระบบการทดสอบและดำเนินการทดสอบด้านระบบราง ซึ่งทาง บริษัท เวสท์โคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (WCE) บริษัทในเครือสหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (SSI) ได้เป็นพันธมิตรและทำบันทึกตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สทร. กับ WCE เรื่อง การส่งเสริมสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศ” โดยทาง WCE ได้เชิญให้ สทร. เข้าร่วมสังเกตการณ์การทดสอบ Static Test และ Running Test ของรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต ตามมาตรฐานวิธีการทดสอบการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยดำเนินการระหว่างวันที่ 8 11 พฤษภาคม 2566 ณ บริษัท เวสโคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และสถานีรถไฟนาผักขวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เอกสารฉบับนี้ จัดทาขึ้น เพื่อศึกษาแนวทางการผลักดันและส่งเสริมการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และผลิตภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรมการขนส่งทางรางให้เกิดขึ้นในประเทศ ตามการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อให้เกิด Local Content ที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ควบคู่กับแผนยุทธศาสตร์คมนาคม ซึ่งทาง สทร. ได้เล็งเห็นความสาคัญการสนับสนุนการสร้างอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนระบบรางในประเทศ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Thai First ผ่านแผนงานบูรณาการความร่วมมือ เพื่อยกระดับคุณภาพบริการและการผลิตให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล

สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน โดยได้ดำเนินการลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจวัดค่ามลพิษทางอากาศ ณ บริเวณ ชานชาลา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้เทคนิควิธีการวัดและเครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล และมีระบบ คุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจวัดดังกล่าว ไม่สามารถแปรผลและ ใช้งานได้ทันที จำเป็นต้องถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น อัน จะช่วยให้การกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายใน ดำเนินการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย
ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เล็งเห็นถึงความจําเป็นเรื่องด่วนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้เรื่องดําเนินการลงพื้นที่เพ่ือทําการตรวจวัดค่า มลพิษทางด้านเสียงรบกวน ณ บริเวณชานชาลา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้เทคนิควิธีการวัดและ เครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล และมีระบบคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจวัดดังกล่าว ไม่สามารถแปรผลและใช้งานได้ทันที จําเป็นต้องถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น อันจะช่วยให้การกําหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสามารถดําเนินการ ได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในดําเนินการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย
การดำเนินโครงการขนส่งทางรางด้านต่างๆ ไม่ว่าด้านออกแบบ การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของชิ้นส่วนอุปกรณ์ การติดตั้ง การทดสอบ การซ่อมบำรุง และการเดินรถ จำเป็นต้องปฏิบัติหรืออ้างอิงให้เป็นไปตามมาตรฐานระบบรางที่เป็นสากลหรือเป็นที่ยอมรับ แต่ปัจจุบัน พบว่า การกำหนดมาตรฐานระบบรางในประเทศไทยยังมีข้อจำกัด
สทร. HSR-CT-(4001-4006):2567
รายงานแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพด้านระบบรางของประเทศ(NQI)